เทรดอย่างไร? ให้ก้าวกระโดด

คำถามแรก ที่ผมมักเจอ

กับคนที่เข้ามาเล่นหุ้นใหม่ๆ ก็คือ
“ซื้อหุ้นตัวไหนดี?”
“ซื้อตัวไหนแล้วจะวิ่ง”

สำหรับตัวผมเอง
มักจะคิดกับคนถามคำถามนี้ว่า..
คนกลุ่มนี้ยังไม่มีความต้องการ
หรือมุ่งมั่น ที่จะลงทุนในตลาดทุนครับ

เพราะอะไร? รึครับ
เขาอาจจะมีความต้องการแค่..
อยากแก้ไขปัญหาอะไรบางอย่างของเขา เท่านั้น
การลงทุนในตลาดหุ้น
ซึ่งอาจจะไม่เร็วพอกับสิ่งที่เขาต้องการ

คำถาม?
แล้วถ้าเราจะถามคำถามเหล่านี้
ตัวเราควรตั้งคำถามแบบไหนดี?

“ฉัน อยากปรึกษา การลงทุนค่ะ
ตอนนี้มีรายได้เดือนละ 50,000บาท
มีรายจ่ายประมาณ 30,000บาท ต่อเดือน
เหลือเก็บประมาณ เดือนละ 10,000บาท
อีก 10,000บาท อาจจะเป็นเงินสำรองระหว่างเดือน
แล้วเงินเก็บ 10,000บาท ทุกๆ เดือน
เราจะสามารถลงทุนได้อย่างไร
ลงทุนแบบไหน เงินของเราถึงจะเติบโต”

ถ้าเป็นคำถาม แบบนี้
สำหรับผมมองว่า…
คนถามอยากจะสร้างฐาน
และสร้างความมั่นคงในชีวิต
และที่สำคัญ คือ อยากมีรายได้เพิ่มอีกทาง

งั้นเรามาตอบคำถามที่ถามมาแบบนี้ กันเลยครับ
ถ้าในกรณีแบบนี้ ผมจะมองได้ 4 ประเด็น

1. มีรายได้ที่ต้องการสะสม เดือนละ 10,000บาท

2. อยากให้เงิน 10,000บาท เติบโต มากกว่า ฝากธนาคาร

3. อยากให้เงินสะสมนี้ ปลอดภัย ลงทุนแล้วเงินไม่หาย

4. หรืออาจจะใช้เงินเก็บนี้ ในตอนนี้เราเกษียณอายุ

เมื่อเรามีจุดประสงค์ของเราแล้ว
เราก็จะไปเริ่มลงทุน กันเลยครับ…

เราจะลงทุนอย่างไรในตลาดหลักทรัพย์
แล้วให้เงินเติบโตอย่างปลอดภัย
1. เลือกหุ้นให้เหมาะสมกับเงื่อนไขของตนเอง
1.1 เลือกหุ้นที่เติบโต
1.2 เลือกหุ้นที่ฐานะการเงินที่มั่นคง
1.3 เลือกหุ้นที่เราเข้าซื้อแล้ว ถือประมาณ 5-10ปี ยังเติบโตต่อเนื่อง
1.4 เจ้าของบริษัท มีคำมั่นสัญญา หรือพันธกิจ ที่มุ่งมั่นจะทำบริษัทให้เติบโต

ข้อที่4. สำคัญมากๆ ครับ
ทำไมรึครับ
“ถ้าเจ้าของบริษัท ในตลาดหลักทรัพย์”
ถ้าทำไม่ได้ตามคำพูด
“ผิดครั้งเดียว” ก็ไม่ได้สำหรับผู้ถือหุ้นอย่างพวกเรา
ถ้าเจ้าของ “ผิดคำพูด” บริษัทนั้นๆ จะถูกเทขายหุ้นจากนักลงทุนทันที

คราวนี้เราก็จะมาวิธีการซื้อหุ้น กันครับ
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ :-
เราจะต้องวางแผนการเปิดพอร์ตของเราด้วย
อย่างน้อยจะต้องมีประมาณ 5 พอร์ต ในระยะเวลา 1-2ปีแรก

ทำไม? เราต้องมีหลายพอร์ต
ก็เพราะเราต้องวางแผนซื้อแบบ DCA

คำถาม? DCA คืออะไร
DCA คือ การซื้อหุ้นสะสมไปเรื่อยๆ ไม่สนราคา

ยกตัวอย่างเช่น :-
เรามีเงินเก็บทุกเดือนละ 10,000บาท
เราก็จะซื้อหุ้น ทุกเดือนเป็นประจำ
1ปี เราก็จะมีเงินฝากหุ้น 10000*12 = 120,000 บาท

วิธีการทำ คือ
1. สมมุติว่า เราเลือกหุ้น “JMART” ในการทำ DCA

เราก็จะทำขั้นบันไดไว้ คือ
เริ่มต้น :-
พอร์ตที่1 :- เราก็จะเข้าซื้อ 10,000บาท ด้วยราคา 20.50บาท

พอเดือนต่อมา เรามีเงินเก็บ 10,000บาท
เราก็เข้าซื้อหุ้น JMART ไม่สนใจราคา
แต่ราคาต้องไม่เกิน 30บาท

และถ้าราคาไม่เกิน 30บาท เราก็เข้าซื้อในพอร์ตที่1

พอเดือนที่ 3 เรามีเงินอีก 10,000บาท
ราคา หุ้น JMART อยู่ที่ราคา 22.50บาท
เราก็จะยังต้องซื้อในพอร์ตที่1 อยู่ครับ

พอเดือนที่4 เงินเรามีอีก 10,000บาท
แต่ราคา JMART ไปที่ราคา 36บาท แล้ว
ให้เราเอาพอร์ตที่2 มาทำการซื้อ JMART ที่ราคา 36บาท

สำหรับพอร์ตที่2 นี้
เมื่อเราเปิดพอร์ตเรียบร้อย
เราก็โอนเงินไปที่โบรก ด้วยเงินต่ำสุดที่เขาให้เราซื้อขายได้
เช่น 1000บาท
แล้วเราก็เข้าซื้อ JMART ตั้งแต่วันแรก เหมือนกับพอร์ตที่1
เราก็ซื้อ JMART ด้วยจำนวน 1,000บาท
เราก็จะได้หุ้นมา 1,000/20.5 = 48.78
แบบนี้จะซื้อไม่ได้นะครับ
เพราะทางตลาดบังคับให้ซื้อหุ้นขั้นต่ำ 100หุ้น

ฉะนั้นเงินที่จะใช้ซื้อหุ้น JMART คือ
20.5*100 = 2,050 (ซื้อขั้นต่ำ)

กลับมาที่ เดือน4 กันต่อ
ถ้าราคา JMART ถึงราคา 36บาท

เราก็เราพอร์ตที่2 มาซื้อ
พอเดือนที่5 เรามีเงินอีก 10,000บาท
ราคา JMART อยู่ที่ราคา 38บาท
เราก็จะซื้อเข้าที่พอร์ตที่2 อยู่นะครับ

พอเดือนที่ 6 เงินเราออกอีก 10,000บาท
แต่ราคา JMART ไปที่ราคา 46บาท

เราจะต้องพอร์ตที่3 ออกมาซื้อ
สำหรับพอร์ตที่3 เราก็ต้องทำเหมือนกับพอร์ตที่2
คือ ซื้อ JMART ทิ้งไว้ 100หุ้น

คำถาม?
ทำไมเราถึงต้องซื้อหุ้นไว้ตั้งแต่เริ่มต้น

ก็เพราะ…เพื่อที่จะไม่ให้ทางโบรกปิดพอร์ตเราไป
(กรณีถ้าเราไม่มีการฝากเงินหรือซื้อหุ้นเขาเข้าพอร์ต)
ระยะเวลาปิดพอร์ต ประมาณ 6-12เดือน
เงื่อนไขนี้ แล้วแต่โบรคแต่ละที่ ซึ่งจะเงื่อนไขที่แตกต่างกันครับ

กลับมา การทำ DCA ต่อ

คำถาม?
ถ้าเราทำแบบนี้ไปประมาณ 10 ปี จะเกิดอะไรกับพอร์ตของเรา

พอร์ตที่ 1 :-
เดือนที่1 :- 10,000บาท/20.5บาท = 487หุ้น

เดือนที่2 :- 10,000บาท/21.5บาท = 465.11หุ้น

ราคาถัว ในพอร์ต คือ 21บาท
(หมายเหตุ : ราคาถัว คือ ราคาเฉลี่ยของหุ้น)

เราก็จะมีจำนวนหุ้น 487หุ้น+465หุ้น = 952หุ้น

เดือนที่3 :- 10,000บาท/24บาท = 416.66หุ้น
ราคาถัว ในพอร์ต คือ 22บาท
เราก็จะมีจำนวนหุ้น 487หุ้น+465หุ้น +416หุ้น = 1,368หุ้น

เดือนที่4 :- 10,000บาท/23บาท = 277.77หุ้น
เดือนนี้ เราซื้อด้วยพอร์ตที่2 แล้ว

เดือนที่5 :- 10,000บาท/38บาท = 263.15หุ้น
ราคาถัว ในพอร์ต คือ 37บาท
เราก็จะมีจำนวนหุ้น 277หุ้น+263หุ้น = 540หุ้น

เดือนที่6 :- 10,000บาท/39บาท = 256.41หุ้น
ราคาถัว ในพอร์ต คือ 37.67บาท
เราก็จะมีจำนวนหุ้น 277หุ้น+263หุ้น+256หุ้น = 796หุ้น

เดือนที่7 :- 10,000บาท/40บาท = 250หุ้น
ราคาถัว ในพอร์ต คือ 38.25บาท
เราก็จะมีจำนวนหุ้น 277หุ้น+263หุ้น+256หุ้น+250หุ้น = 1,046หุ้น

เดือนที่8 :- 10,000บาท/43บาท = 232.55หุ้น
ราคาถัว ในพอร์ต คือ 39.20บาท
เราก็จะมีจำนวนหุ้น 277หุ้น+263หุ้น+256หุ้น+250หุ้น+232หุ้น = 1,278หุ้น

เดือนที่9 :- 10,000บาท/46บาท = 217.39หุ้น
ในเดือนที่9 นี้ เราก็จะต้องเราพอร์ตที่3 มาทำการซื้อ

เดือนที่10 :- 10,000บาท/50บาท = 200หุ้น
ราคาถัว ในพอร์ต คือ 48บาท
เราก็จะมีจำนวนหุ้น 217หุ้น+200หุ้น = 417หุ้น

เดือนที่11 :- 10,000บาท/54บาท = 185.18หุ้น
ราคาถัว ในพอร์ต คือ 50บาท
เราก็จะมีจำนวนหุ้น 217หุ้น+200หุ้น +185หุ้น = 602หุ้น

เดือนที่12 :- 10,000บาท/62บาท = 161.29หุ้น
ราคาถัว ในพอร์ต คือ 53บาท
เราก็จะมีจำนวนหุ้น 217หุ้น+200หุ้น +185หุ้น+161หุ้น = 763หุ้น

สรุป

-เงินลงทุน 120,000บาท(สะสมเดือนละ 10,000บาท )
-ลงทุนแบบ DCA ได้เงินเท่าไร

พอร์ตที่1 :-
– เรามีหุ้นในพอร์ต 1,368หุ้น/ราคาเฉลี่ย 22บาท
– ยอดเงิน 1,368หุ้น*22บาท = 30,096บาท
– ถ้าขายสิ้นปี ที่ราคา 62บาท
– ยอดเงิน1,368หุ้น*62บาท = 84,816บาท

พอร์ตที่2 :-
– เราหุ้นในพอร์ต 1,278หุ้น ราคาเฉลี่ย 39.20บาท
– 1,278หุ้น*39.20บาท = 50,097บาท
– ถ้าขายสิ้นปี ที่ราคา 62บาท
– 1,278หุ้น*62บาท = 79,236บาท

พอร์ตที่3 :-
– เราหุ้นในพอร์ต 763หุ้น ราคาเฉลี่ย 53บาท
-763หุ้น*53บาท = 40,439บาท
– ถ้าขายสิ้นปี ที่ราคา 62บาท
-763หุ้น*62บาท = 47,306บาท

รวมยอดเงินทั้ง 3 พอร์ต
84,816บาท+79,236บาท+47,306บาท = 211,358บาท
พอสิ้นปี เราก็จะมีกำไร 111,358บาท
กำไรประมาณ 100%

พอขึ้นปีที่2 เราก็จะมีเงินลงทุน 211,358บาท
และเราก็จะเริ่มทำ DCA ใหม่ในปีที่ 2 ด้วยนะครับ
เราก็จะทำรอบแบบนี้ไปเรื่อยๆ

แล้วเราก็จะได้รอบตามที่เราต้องการ
เมื่อเราทำซ้ำๆ อยู่ตลอดเวลา
เป็นเวลามากพอ หรือ ถึง 10000ชั่วโมง
สิ่งมหัศจรรย์ เดียวมันก็จะเขามาในชีวิต

ลองเอาไปทำกันดูนะครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ…